แพทย์แนะนำให้กิน! เม็ดบัว มีส่วนช่วยบำรุงสมอง ประสาท และไต ดีมากๆ
การดูแลสุขภาพถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะการมีร่างกายที่ดีที่แข็งแรง เป็นปัจจัยหลักที่ช่วยให้สุขภาพร่างกายของเราห่างไกลจากโรคร้ายต่างๆได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
สารในเม็ดบัว อุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี มีโปรตีนประมาณ 23 เปอร์เซนต์ เกลือแร่ ฟอสฟอรัส มีสรรพคุณในเรื่อง บำรุงสมอง บำรุงประสาท บำรุงไต ป้องกันมะเร็งตับ เพราะไปฆ่าเชื้อรา ช่วยในรักษาอาการท้องร่วง และบิดเรื้อรัง ใช้กันเป็นยาบำรุงเลือด หรือเพิ่มเลือดด้วยค่ะ ที่สำคัญทึ่สุดดีบัว ที่ขมๆ แก้โรคหัวใจ กินเม็ดบัว เพื่อการบำรุงเลือด
มีการวิจัยพบว่า เม็ดบัวมีสารแอนติออกซิแดนต์ในปริมาณสูง ซึ่งสารนี้มีคุณสมบัติหลายอย่าง เช่น
– ชะลอการเสื่อมของอวัยวะและผิวพรรณ
– ป้องกันมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งตับอ
– ส่วนดีบัว รสขม ขยายหลอดเลือดหัวใจ แก้กระหายน้ำ แก้น้ำกามเคลื่อนขณะหลับ
– เมล็ด รสฝาดหอม บำรุงกำลัง บำรุงไขข้อ ทำให้กระชุ่มกระชวย แก้ร้อนในกระหายน้ำ แก้เสมหะ แก้พุพอง แก้ดีพิการ แก้อาเจียน แก้อ่อนเพลีย เพิ่มไขมันในร่างกาย
– เปลือกของฝักและเม็ดบัว
– เปลือกฝัก รสฝาดหอม แก้ท้องเดิน สมานแผลในมดลูก
– ก้านดอก รสเย็นเมา ตากแห้งสูบแก้ริดสีดวงจมูก
เม็ดบัวไทย-จีน ความเหมือนที่แตกต่าง การเลือกกิน เม็ดบัวส่วนใหญ่ที่เราเห็นทั่วไป จะเป็นสินค้าที่นำเข้าจากประเทศจีนซึ่งจะมีเมล็ดขนาดใหญ่ ผ่านการกะเทาะเปลือก ดึงดีบัว(ต้นอ่อนที่ฝังอยู่กลางเมล็ดมีสีเขียวเข้ม)ออก และอบแห้งแล้ว
ส่วนเม็ดบัวไทยนั้น ไม่ค่อยพบวางจำหน่ายในท้องตลาด เนื่องจากมีเมล็ดเล็ก จึงไม่เป็นที่นิยม แต่จากผลการวิจัยของ อาจารย์ปริญดา ที่ศึกษาเปรียบเทียบปริมาณสารแอนติออกซิแดนต์ในเม็ดบัวไทยและจีนพบว่า เม็ดบัวไทยมีปริมาณสารแอนติออกซิแดนต์สูงกว่าเม็ดบัวจีน 5-6 เท่า อาจารย์ปริญดาจึงแนะนำว่า ถ้าต้องการให้ร่างกายได้รับสารแอนติออกซิแดนต์ปริมาณสูงควรเลือกกินเม็ดบัวไทยดีกว่า โดยเฉพาะเม็ดบัวไทยสด
วิธีกินคือ
ลอกเปลือกออกจากเมล็ด โดยไม่ดึงเยื่อหุ้มเมล็ดและดีบัวออก กินสดๆทั้งเมล็ด จะทำให้ร่างกายได้รับวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านมะเร็งซึ่งอยู่บริเวณเยื่อหุ้มเมล็ด และดีบัวในปริมาณสูง
ส่วนชนิดอบแห้งนั้น เรานำมาทำอาหารคาวหวานได้หลากหลาย ที่คุ้นเคยกันดี คือ น้ำอาร์ซี เม็ดบัวต้มน้ำตาลทรายแดง ผสมในเต้าฮวย หรือเต้าทึง ข้าวอบใบบัว เป็นต้น
ส่วนเคล็ดลับการเลือกซื้อให้ได้ของสดใหม่ คุณภาพดีมีดังนี้ค่ะ
ชนิดอบแห้ง
1. ควรเลือกเมล็ดที่มีสีเหลืองนวล ถ้ามีสีเหลืองเข้ม แสดงว่าเป็นเม็ดบัวเก่าที่เก็บไว้นานแล้ว เมล็ดไม่แตกหัก และไม่มีฝุ่นละอองปนเปื้อน
2. ขั้วเมล็ดไม่ดำคล้ำ เพราะจะเป็นเมล็ดที่เก็บไว้นานแล้ว
3. ไม่มีกลิ่นสาบหรือเหม็นหื่น
ชนิดฝักสด
เลือกฝักที่มีเมล็ดขนาดใหญ่ สีเขียวอ่อน จะได้เม็ดบัวที่มีเนื้อกรอบ หวานกำลังดี คราวนี้ถ้าเจอฝักบัวสดในตลาดอย่าลืมซื้อติดไม้ติดมือมาคนละสองสามกำนะคะ
18 ประโยชน์และสรรพคุณจาก “เม็ดบัว”
1. ประโยชน์ของเม็ดบัวช่วยป้องกันมะเร็งตับ
2. เม็ดบัวมีสรรพคุณช่วยบำรุงร่างกาย และบำรุงเลือด
3. เม็ดบัวอุดมไปด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็ง และช่วยลดความเสื่อมของเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย ช่วยชะลอวัย ทำให้ผิวพรรณไม่แห้งเหี่ยว
4. เม็ดบัวมีสรรพคุณเป็นยาบำรุงหัวใจ
5. เม็ดบัวมีสารที่ช่วยขยายหลอดเลือด ทำให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจอย่างเพียงพอ
6. เม็ดบัวช่วยละลายไขมัน และให้พลังงานแก่ร่างกาย
7. เม็ดบัวช่วยบำรุงเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนดี
8. ประโยชน์ของเม็ดบัวช่วยบำรุงตับ
9. การกินเม็ดบัวสดทำให้รู้สึกสดชื่น แก้อ่อนเพลีย ช่วยดับกระหาย รสหวานช่วยดับร้อน
10. เม็ดบัวนอกจากจะช่วยให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจแล้วยังช่วยเพิ่มแรงบีบตัวของหัวใจด้วย
11. เม็ดบัวแห้งนำไปชงดื่มช่วยขับของเสียในร่างกายออกทางเหงื่อและปัสสาวะ
12. เม็ดบัวแห้งนำไปต้มดื่มช่วยแก้ร้อนใน ทำให้แผลในช่องปากหายเร็วขึ้น
13. เม็ดบัวสดและเกสรตัวผู้ของบัวหลวงช่วยบำรุงปอด
14. เม็ดบัวช่วยแก้ท้องเสีย ช่วยขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ
15. ประโยชน์ของเม็ดบัวช่วยดับกลิ่นปาก
16. เม็ดบัวช่วยแก้ท้องเสีย อาหารเป็นพิษ ลำไส้อักเสบ
17. สรรพคุณของเม็ดบัวช่วยให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ
18. เม็ดบัวช่วยบำรุงครรภ์ สำหรับสตรีมีครรภ์กินเม็ดบัวสดจะช่วยให้คลอดลูกได้ง่ายขึ้น ช่วยเพิ่มแรงเบ่งลูก และหลังคลอดลูกจะช่วยให้มดลูกเข้าอู่ได้ดี ช่วยขับรกให้ออกง่ายขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก : ชีวจิต / ทางแพทย์สายพุทธ