คนไม่มีลูกนั้น ถือว่า คนมีบุญมาก เพราะเหตุผลนี่
เรื่องของครอบครัว อาจยังมีหลายคนที่คิดว่าการมีครอบครัวที่มีความสุขและสมบูรณ์นั้นคือการมีกันพร้อมหน้าพ่อ แม่ ลูก แต่ในยุคนี้สถานการณ์แบบนี้เชื่อได้เลยว่าคงมีคนอีกไม่น้อยที่เมื่อมีครอบครัวได้แต่งงานแล้วแต่ไม่ได้วางแผนที่จะมีลูก หลายครอบครัวตัดสินใจอยู่กันเพียงสามีภรรยาเท่านั้น
อาจเป็นผลมาจากสภาพแวดล้อม สังคมและเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ทำให้หลายๆคนคิดกันได้ว่าการอยู่คนเดียว หรืออยู่กันสองคนสามีภรรยานั้นก็เพียงพอแล้ว การมีลูกนั้นที่แน่ๆเลยคือการมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้น ยังรวมไปถึงการประคับประครองให้ลูกนั้นมีชีวิตที่ดีขึ้น เมื่อคิดแบบนี้ทำให้หลายครอบครัวอาจเปลี่ยนใจเรื่องการมีลูกกันเลยทีเดียว มีคำพูดที่ว่าคนที่ไม่มีลูก ถือว่าเป็นคนที่มีบุญมากแล้ว เป็นเพราะอะไรในวันนี้เราจะมาหาคำตอบกัน
คนที่ไม่มีลูกเรียกว่าเป็นคนมีบุญ จริงหรือ
ถาม : คือตัวดิฉันเองไม่มีลูกเป็นของตัวเอง ที่เป็นแบบนี้เป็นเพราะลูกไม่มีบุญใช่ไหมเจ้าคะ
พระอาจารย์ : มีสิโยม คนที่ไม่มีลูกจะเป็นคนที่ไม่มีบุญได้อย่างไร อาตมาพูดไว้ตรงนี้เลยว่า คนที่มีลูกนะเป็นคนที่มีกร รม ให้ลองถามเขาดูสิ
ถาม : ทำไมคนที่มีรูปถึงมีกร รมล่ะครับ
พระอาจารย์ : ก็เพราะว่าเลี้ยงลูกมันเป็นทุกข์ยังไงล่ะ เดี๋ยวลูกก็ดื้อ เดี๋ยวลูกก็ไม่เชื่อฟัง ทำอะไรก็ไม่ได้ดั่งใจ กลัวว่าลูกจะไปทำอะไรให้เกิดความเสียหายขึ้นมา สุดท้ายแล้วพ่อแม่ก็จะกลายเป็นทุกข์เปล่าๆ พ่อแม่ก็ต้องมาคอยรับผิดชอบที่ลูกได้ก่อ ต้องหาเงินหาทองมาให้มีใช้อยู่ตลอดเวลา ลูกนี่ไม่ต้องหาเลยใช่ไหม ต้องการจะได้เงินอะไรก็แบมืออย่างเดียวขออย่างเดียว พ่อแม่นี่กว่าจะหาเงินมาได้สักบาทนี่ต้อง เหนื่อยยาก ถ้าไม่มีลูกก็ไม่ต้องมาหาเงินมาเลี้ยงลูกให้เหนื่อยยาก เนี่ยเขาถึงเรียกว่าเป็นทุกข์ คนที่ไม่มีลูกหน่ะเรียกว่าเป็นคนมีบุญ
ถาม : ถ้ามีคนสองคน คนหนึ่งมีลูกแล้วอีกคนนึงไม่มีลูก คนที่มีลูกเขาก็เลี้ยงลูกไปด้วยความทุกข์แล้วก็แก่ไปทั้งคู่ แล้วตอนบั้นปลายชีวิตคนที่มีลูกเขาได้ลูกดีก็จะดูแลพ่อแม่ยามเจ็บไข้ได้ป่วย แต่คนที่ไม่มีลูกก็ไม่มีคนดูแล แล้วใครจะมีกร รมมากกว่ากันคะ
พระอาจารย์ : คนที่ไม่มีลูกหน่ะสบาย เพราะจะได้พึ่งตนเองได้ จะรู้จักพึ่งตนเอง ถ้าพึ่งไม่ได้ก็จากไป ก็ไม่เป็นไรยังไงก็ต้องไปอยู่ดี แล้วก็โอกาสที่จะได้ลูกดีมันก็มีน้อยมากโอกาสได้ลูกไม่ดีมันจะมีมากกว่า แล้วจะมาเสียอกเสียใจมากกว่าคนที่ไม่มีลูก คนที่ไม่มีลูกเขาก็ต้องเตรียมตัวพึ่งตัวเขาเอง เมื่อเขาไม่มีใครมาพึ่งแล้วเขาอยู่กันได้ เขาก็พร้อมที่จะไป อย่างเป็นพระนี่ก็ไม่มีลูกใช่ไหม ก็เตรียมตัวเตรียมใจจากไปอยู่เรื่อยๆ ถึงเวลาไปก็ไป ลูกศิษย์มันจะดูแลหรือไม่ดูแลก็ช่วยไม่ได้ มันก็บังคับให้เราต้องพึ่งตัวเอง
ต้นไม้ถ้าลูกมันรสไม่ดี ก็มีแต่คนจะโค่นต้นทิ้ง ไม่มีใครคิดจะบำรุงรักษาไว้ ตรงข้ามถ้าลูกมันรสดี ทั้งหวานทั้งมัน เจ้าของก็ต้องการใส่ปุ๋ยรดน้ำพรวนดิน ทะนุถนอมให้คงต้นอยู่นานๆ ต้นไม้จะอายุยืนได้รับการบำรุงรักษาดีเพียงไร ขึ้นอยู่กับลูกของมัน
คนเราก็เช่นกัน ถ้าลูกทำดีคนทั้งหลายก็ชมมาถึงพ่อแม่ว่าเลี้ยงลูกดี ความสุขกายสบายใจก็ติดตามมาเพราะลูก แต่ถ้าลูกทำไม่ดี คนทั้งหลายก็ว่ามาถึงพ่อแม่ด้วยเหมือนกัน
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงชี้ว่า สิ่งที่ดีของคนที่เป็นพ่อแม่อยู่ที่ลูก และในทางตรงข้ามถ้าไม่ป้องกันแก้ไขให้ดีแล้ว สิ่งที่ไม่ดีก็จะมาจากลูกนั่นเหมือนกัน
ประเภทของบุตรแบ่งโดยความดีในตัวได้เป็น 3 ชั้น คือ
อภิชาตบุตร คือบุตรที่ดีมีคุณธรรมสูงกว่าบิดามารดา เป็นบุตรชั้นสูง สร้างความเจริญแก่วงศ์ตระกูล
อนุชาตบุตร คือบุตรที่มีคุณธรรมเสมอบิดามารดา เป็นบุตรชั้น กลาง ไม่พอรักษาวงค์ตะกูลไว้ได้
อวชาตบุตร คือบุตรที่ไม่ดี มีคุณธรรมต่ำกว่าพ่อแม่ เป็นบุตรชั้นต่ำ นำความเสื่อมเสียมาสู่วงศ์ตระกูล
สิ่งที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ก็เป็นเพียงความเชื่อหรือความคิดของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ทั้งนี้แล้วก็อยู่ที่ตัวเรา ครอบครัวของเราว่าพร้อมที่จะดูแลคนคนนึงหรืออีกหลายคนไปได้มากน้อยขนาดไหน อย่าลืมว่าไม่ว่าจะมีหรือไม่มีลูกเราก็ต้องพึ่งและดูแลตัวของเราเองให้ได้ก่อน ต้องรู้จักวางแผนในการใช้ชีวิต อย่าเอาชีวิตเราไปผูกหรือต้องพึ่งพิงใคร
ที่มา : sha resi